รีวิว อย่างที่ Kris >
Dining & Destination
คลายร้อนนี้ด้วยข้าวแช่ตำรับชาววัง ที่โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต
“ข้าวแช่” เมนูอันหอมเย็นชื่นใจประจำหน้าร้อนจะเป็นตำรับอาหารพื้นบ้านของชาวมอญ โดยชาวมอญจะเรียกว่า "เปิงด๊าดจ์" ซึ่ง "เปิง" แปลว่า "ข้าว" และ "ด๊าดจ์" แปลว่า "น้ำ" "เปิงด๊าดจ์" จึงมีความหมายว่า "ข้าวน้ำ" ที่นิยมทำขึ้นเพื่อถวายทวยเทพในเทศกาลตรุษสงกรานต์ โดยทำถวายแด่พระสงฆ์ และนำไปให้ผู้เฒ่าผู้แก่ที่เคารพนับถือ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองย่างเข้าสู่หน้าฤดูร้อน ห้องอาหารศาลาไทย โรงแรมโนโวเทล สุวรรรภูมิ แอร์พอร์ต ขอเชิญทุกท่านลิ้มลองเมนูคลายร้อนตำรับโบราณ ต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ด้วย”ข้าวแช่ชาววัง” สัมผัสความหอมอร่อยชื่นใจจากข้าวแช่อบร่ำควันเทียนและกลิ่นน้ำลอยดอกมะลิ เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงปรุงอย่างพิถีพิถันถึง 9 อย่าง ได้แก่ กะปิชุบไข่ทอด, ปลาช่อยหวานแห้งผัด, หัวไชโป๊ผัดหวาน, หมูฝอย, เนื้อฝอย, หอมยัดไส้ปลาชุบแป้งทอด, พริกหยวกสอดไส้หมูกุ้งและไข่เค็ม ทานแกล้มกับผักสดที่บรรจงแกะสลักอย่างประณีต รังสรรค์โดยเชฟ บังอร มาลาเล็ก หัวหน้าครัวไทย ที่ได้สืบทอดสูตรการทำข้าวแช่จากต้นตำรับในวัง เราได้ทำความรู้จักกับข้าวแช่กันมาพอสมควรแล้ว หลายคนคงอยากลองกินข้าวแช่อร่อยๆ ต้อนรับสงกรานต์กันแล้ว แต่มีอีกหลายคนที่ไม่คุ้นเคยกับวิธีการรับประทานข้าวแช่และไม่เคยกินข้าวแช่มาก่อน วันนี้ ขอเผยเคล็ดลับ วิธีกินข้าวแช่ให้อร่อยและถูกต้อง มาบอกกันครับ 1. ไม่ควรตักเครื่องเคียงมาใส่ลงในถ้วยข้าว เพราะจะทำให้ความคาวของเนื้อปลาและเครื่องปรุงต่างๆ ปะปนอยู่ในถ้วย ทำให้น้ำลอยดอกไม้มีกลิ่นคาวไม่หอมชื่นใจ 2. รับประทานเครื่องเคียงก่อน แล้วค่อยตักข้าว แล้วซดน้ำลอยดอกไม้ตามจะฟินสุดๆ คลายร้อนได้ดี 3. ลูกกะปิควรรับประทานคู่กับมะม่วงสดรสเปรี้ยวอมหวาน แนมกัน รสชาติเข้ากันดี 4. กระชายอ่อน รับประทานคู่กับพริกหยวกสอดไส้จะเพิ่มกลิ่นรสและความหอมให้กับเครื่องเคียงได้เป็นอย่างดี อิ่มอร่อยและสดชื่นไปกับเมนูสุดชื่นใจนี้ได้ที่ห้องอาหารศาลาไทย โรงแรมโนโวเทล สุวรรรภูมิ แอร์พอร์ต ได้ตลอดช่วงสงกรานต์ระหว่างวันที่ 10-18 เมษายน 2562 นี้ ในมือกกลางวันเวลา 11.30-14.30 น.ในราคาเพียงชุดละ 780 บาท แต่ถ้ามาไม่ทันปีนี้ ปีหน้าก็มาทานได้นะครับ สอบถามเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งได้ที่ 02-131-1111 หรืออีเมล์ square@novotelairportbkk.com |
"อำแดงไต้ฝุ่น" ความอร่อยที่ต้องเรียกขาน
อำเเดงไต้ฝุ่น" ชื่อเรียกขานร้านอาหารไทยกลิ่นอายโบราณ บ้านทรงโบราณสีขาวสองชั้น สวยสะดุดตาด้วยรูปภาพโบราณหาดูยาก ที่นำมาตกเเต่งให้ภายในร้านมีบรรยากาศของความร่วมสมัย เเต่ให้ความรู้สึกเสมือนย้อนยุคไปสู่ความเก่าเเก่ ให้อารมณ์สโลว์ไลฟ์ได้อย่างดีจริงๆ เส้นทางความอร่อย เริ่มต้นกันที่ซอยสุขุมวิท 32 จากนั้นเข้าซอยมา 20 เมตร ร้านตั้งอยู่ทางขวามือ หากเลือกเดินทางสบายๆมากับ BTS จุดหมายปลายทางอยู่ที่สถานีทองหล่อ ใช้ช่องทางออกที่ 2 ร้านจะอยู่ไม่ไกล ราว 300 เมตรจะถึงจุดหมาย เรียกขานกันว่าร้าน “อำแดงไต้ฝุ่น” คุณปุญชรัศมิ์ แก้ววัฒนะบรวงศ์ หรือคุณใหญ่ ในฐานะเจ้าบ้านคนหนึ่ง ได้ให้เหตุผลถึงคำเรียกเเปลกหูนี้ว่า “อำแดง” เป็นคำโบราณ ใช้เป็นคำนำหน้าชื่อสำหรับเรียกผู้หญิงสามัญทั่วไปในสมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งคุณใหญ่อยากให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จักคำโบราณที่เรียกขานกันมา มิให้เลือนหายไป เฉกเช่นอาหารไทยสูตรพื้นบ้านดั้งเดิม ที่ใส่ใจปรุงรสละเมียด รสมือแบบคุณย่า คุณยาย ลงครัวทำให้ทานกัน ที่นับวันจะเหลือแต่เพียงความทรงจำที่โหยหาในรสชาติ ให้หวนคืนกลับมาอีกครั้ง ส่วนคำว่า ”ไต้ฝุ่น” นั้นมาจากสูตร Spicy Crab ที่เป็นเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน Typhoon Shelter Chilli Crab เมนูเด่นจากเกาะฮ่องกง เป็นชื่อการผัดปูทะเลของชาวบ้าน หมู่บ้านชาวประมง (Typhoon Shelter) ในช่วงมรสุมพายุไต้ฝุ่นพัดเข้าเกาะ ทำให้หมู่บ้านชาวประมงที่ใช้ชีวิตอยู่บนเรือ คิดค้นการทำอาหารโดยใช้วัตถุดิบปรุงรสของท้องถิ่นและปูทะเลที่หามาได้ ผัดรวมกันจนเกิดเป็นตำนานความอร่อยสูตรพื้นบ้าน แบบเฉพาะของฮ่องกง ปัจจุบันเป็นเมนูที่ต้องมีในงานเทศกาลเฉลิมฉลองวันสำคัญๆ แบบขาดไม่ได้กันเลยทีเดียว ผมเองก็อยากทานอาหารแบบโบราณจริงๆ มานานแล้วครับ ด้วยหาทานยากที่มีในปัจจุบันที่พอหาทานได้บางทีสูตรก็มีปรับเปลี่ยนไปจากต้นตำรับเดิมวันนี้ได้มีโอกาสได้มาทาน วันนี้ลองมาดูกันนะครับ สั่งอะไรทานไปบ้าง ปูผัดพริกฮ่องกง (ขีดละ 290 บาท) เมนูหลักขึ้นชื่อ วัตถุดิบคือ ปูไซส์ขนาด 7 ขีดขึ้นไป มีขนาดใหญ่มากครับ แต่มื้อนี้ของผมเป็นปูขนาด 10 ขีดที่นำมาผัดเคล้าพริกเกลือรสจัดจ้าน ความอร่อยเมนูนี้อยู่ที่ส่วนผสมของวัตถุดิบจากพริกกับกระเทียม สูตรลับเฉพาะของทางร้าน สามารถเลือกระดับความเผ็ด 3 ระดับ ในความชอบส่วนตัวผมเลือกระดับเผ็ดที่กลางๆ ถือเป็นความอร่อยที่พอดี .." เนื้อปูสดแน่น หวานมาก ผมกินส่วนที่อร่อยที่สุด...ก้ามปูครับ" ผัดเเบบปรุงเครื่องมาแบบแห้งๆ กระเทียมกรุบกรอบคลุกข้าวสวยร้อนๆ ได้รสชาติอร่อยละมุนลิ้น แต่ในฐานะที่กระเทียมเจียวเป็นอาหารสามัญประจำบ้านของผม ผมคิดว่ากระเทียมมันป่นและกรอบไป ทำให้รสชาติของเนื้อกระเทียมขาดรสชาติดั้งเดิมไป อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ถ้าใครชอบแบบนี้ก็ขออภัยครับ ส่วนรสชาติโดยรวมผมชอบนะครับ เมนูนี้เชฟไปศึกษาวิธีการและเคล็ดลับจากฮ่องกงด้วยตัวเองเลยทีเดียวนะครับ กุ้งเผา 3 ตัวโล (ตัวละ 567 บาท) กุ้งตัวใหญ่มาก เนื้อแน่น สดเด้ง มันกุ้งเยิ้มน่ากินมากครับ ย่างบนเตาถ่านสุกกำลังดี ยิ่งได้น้ำจิ้มรสแซ่บ แจ่มแจ๋วมากเลยครับ จากความชำนาญของคุณใหญ่ที่บริหารร้านบ้านชิดกรุงกุ้งเผา , ครัวบุษบันกุ้งเผา และท่าน้ำขวัญกุ้งเผา การันตีความอร่อยแบบไม่ต้องไปกินกันไกลกันทีเดียวครับ เมี่ยงปลาช่อนทอด (450 บาท) ปลาตัวใหญ่ทอดกรอบมาน่าทานมาก มาพร้อมกับเครื่องเคียงต่างๆ เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยอย่างดีเลยครับ แต่สำหรับผมน้ำเมี่ยงจะออกหวานไปหน่อยครับ เพิ่มเปรี้ยวเค็มอีกนิดน่าจะกำลังดี ปูไข่ดองแดนกิมจิ (850 บาท) ปูไข่ตัวใหญ่นำมาดองกับซีอี๊วเกาหลี โรยหน้าด้วยพริกสด เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู๊ดรสเด็ด ผมลองแบบธรรมดาก่อน อร่อยดีครับไม่เค็มมาก หรือพอกินกับน้ำจิ้มก็อร่อยเข้มข้นไปอีกแบบ ต้องรับข้าวเพิ่ม ผัดสายบัวกุ้งสดใส่มันกุ้ง (220 บาท) ใครที่ชอบสายบัว เมนูนี้ห้ามพลาด รสหวานนำ อร่อยมากครับ ยิ่งมีน้ำที่มีมันกุ้งที่ใส่ลงไปสีส้มสวยคลุกเคล้าอยู่ เครื่องปรุงใส่แค่น้ำตาล เกลือ พริกไทย เท่านั้น แค่นี้ก็อร่อยแล้วจริงๆ ผัดเผ็ดเนื้อใบยี่หร่า (250 บาท) เมนูนี้ผมชอบมากครับ รสชาติออกเผ็ดๆ ร้อนๆ เค็มนำ แต่พอกินกับเครื่องเคียงอย่างกระเทียมดองน้ำผึ้ง อืม... รสชาติเข้ากันดีกลมกล่อมครับ สำหรับผมขอไข่เจียวเพิ่มอีกสักจาน ทานด้วยกันแบบฟินๆ ผมขอเพิ่มเติมทำความรู้จักกับใบยี่หร่าสักนิดนะครับว่าสมุนไพรชนิดนี้คู่ควรที่จะทานขนาดไหน ว่าด้วยเรื่อง "ยี่หร่า" สมุนไพรใกล้ครัวเรือนไทย อาหารที่มีสรรพคุณทางยาที่น่าสนใจ มี 2 ชนิดด้วยกันที่มักนำมาปรุงเมนูสูตรเด็ดเผ็ดร้อน ชนิดแรกก็คือ ยี่หร่าชนิดที่มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า “เทียนขาว” มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cuminum cyminum L. และจัดอยู่ในวงศ์ผักชี (APIACEAE) มีถิ่นกำเนิดในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ประเทศอินเดีย และประเทศจีน ยี่หร่าชนิดนี้ก็คือผลแห้งที่เรานำมาใช้เป็นเครื่องเทศและยาหอม (ไม่ใช่ยี่หร่าที่กินใบครับ) ชนิดที่สอง ยี่หร่าชนิดที่มีชื่อไทยหลายชื่อ เช่น จันทร์หอม เนียมต้น เนียม กะเพราญวน โหระพาช้าง เป็นต้น ซึ่งชื่อภาษาอังกฤษก็คือ Shrubby basil โดยมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ocimum gratissimum L. และจัดอยู่ในวงศ์กะเพรา ซึ่งเป็นยี่หร่าแบบกินใบที่เรานิยมนำมาผัดรับประทานกัน ใบยี่หร่า เป็นใบเดี่ยวออกตรงข้ามกันเป็นคู่ ๆ ลักษณะของเป็นรูปกลมรี โคนใบสอบ ปลายใบแหลม ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย ใบสีเขียวสด ผิวใบสากมือ ใบยี่หร่ามีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีรสร้อน จึงช่วยดับกลิ่นคาวจากอาหารจำพวกเนื้อสัตว์เนื้อปลาได้เป็นอย่างดี สรรพคุณของยี่หร่า 1. สามารถช่วยยับยั้งหรือช่วยชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็งได้ (ใบ) 2. ช่วยในการบำรุงธาตุในร่างกาย (ใบ) 3. ใบยี่หร่าอุดมไปด้วยวิตามินซีและธาตุแคลเซียม ซึ่งมีสรรพคุณในการช่วยขับเหงื่อซึ่งเป็นของเสียออกจากร่างกาย (ใบ) 4. ใบยี่หร่ามีสรรพคุณช่วยแก้อาการคลื่นไส้ ด้วยการใช้ใบนำมาชงเป็นชาดื่มจนกว่าจะหาย (ใบ) 5. ช่วยแก้โรคเบื่ออาหาร (ใบ) 6. ช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหาร (ต้น, รากแห้ง) 7. ช่วยแก้อาการปวดท้องเนื่องจากอาหารไม่ย่อย (ใบ) 8. ต้นยี่หร่ามีสรรพคุณช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาการปวดท้อง (ใบ, ต้น, รากแห้ง) 9. ช่วยในการขับลมในลำไส้ (ใบ, ต้น, รากแห้ง) 10. น้ำมันหอมระเหยจากยี่หร่ามีฤทธิ์ช่วยระงับอาการหดเกร็งของไส้ (น้ำมันหอมระเหย) 11. ช่วยฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ ด้วยการใช้ผลแห้งประมาณ 3-5 กรัมนำมาชงกับน้ำเดือดประมาณ 1 ลิตร ทิ้งไว้สักระยะแล้วจึงนำมาดื่มวันละ 3-4 ถ้วยตวง (ผล) 12. ยี่หร่ายังมีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อมดลูกคลายตัว ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดประจำ เดือนในสตรีได้ (ใบ) น้ำพริกโจร ยายเยื้อน (250 บาท) เป็นเมนูของทางภาคใต้ที่เรียกว่า น้ำพริกขยำ ครับ คล้ายน้ำพริกกะปิ แต่ใช้การคลุกหรือหยำแทนการตำ ใส่กุ้งสด กะปิดีไม่เค็มมาก รสชาติไม่เผ็ดจัดนัก ทานกับข้าวและผักกำลังเหมาะครับ ต้มยำปลาทูมะดัน (250 บาท) ปลาทูหั่นมาเป็นชิ้น เนื้อสดแน่น รสชาติจัดจ้านกลมกล่อม ซดอร่อยคล่องคอมากเลยครับ ผมไม่ได้ทานมานานมากแล้วครับ สมใจจริงๆ ข้าวผัดมันกากหมู (180 บาท) อร่อยมากครับ นึกถึงผู้ใหญ่ทำให้ทานตอนเด็กๆ กันทีเดียวครับข้าวเป็นเม็ดสวย กากหมูกรอบอร่อย ไม่แข็ง หอมกากหมู กินกับน้ำปลาพริก ก็อร่อยแล้ว ยังไม่นับที่ทานร่วมกับอาหารอื่นๆ อีกอย่างเช่นนำมันกุ้งที่หัวกุ้งเผามาราดใส่น้ำปลาพริกหรือน้ำจิ้มซีฟู้ดราดเข้าไปอร่อยมากมายครับเจริญอาหารกันเข้าไปใหญ่ เสร็จจากอาหารคาวเราก็มาทานขนมหวานกันครับ ของขึ้นชื่อของร้านนี้ คือ อำแดงไต้ฝุ่น หรือไต้ฝุ่นหิมะ (150 บาท) จั่วหัวชื่อเดียวกับร้าน รับประกันความอร่อยเเละเเปลกจริง เป็นของหวานที่แปลกและอร่อยมากเลยครับ ต้องสั่ง !!! เป็นเต้าหู้โฮมเมดนิ่มๆ นำไปคลุกแป้งบางๆ ทอดจนกรอบ นำไปคลุกกับเม็ดมะม่วงหิมพานต์บด งาคั่ว อัลมอน น้ำตาลทรายและเกลือ แป้งคล้ายๆ กะลอจี๊ของจีนน่ะครับ หนึบๆ ดี ไอศกรีมน้ำตาลสด (สคูปละ 65 บาท) ลองเปลี่ยนจากการดื่มน้ำตาลสด มาซดน้ำตาลสดในเเบบไอศกรีมหวานเย็น หอมหวานรสชาติกำลังดีครับ น้ำมะนาวโซดา(65 บาท) |
MoMo Café ร้านอาหารแหล่งแฮงส์เอ้าท์สุดชิคใจกลางกรุง พร้อมมอบความสุขแสนอร่อย ณ พระนคร
วันนี้ผมได้ลองมาทานอาหารที่ห้องอาหาร MoMo Café ตั้งอยู่ที่ชั้นล่างของ Marriott Executive Apartments, Sathorn Vista ร้านนี้อยู่ปากซอยสวนพลู อยู่ใกล้กับแหล่งธุรกิจย่านสีลม-สาทร ห่างจาก BTS ศาลาแดง หรือ MRT ลุมพินี ประมาณ 1 กิโลเมตรเปิดบริการตั้งแต่เวลา 06.00 -23.00 น. บรรยากาศภายในร้านเป็นแบบโมเดิร์น ดูสบายตา พร้อมผ่อนคลายไปกับบรรยากาศภายในห้องอาหารที่มีความโปร่งสบาย และตกแต่งด้วยสีแดง ส้ม ดำ ซึ่งเป็นสีแห่งการเพิ่มพลังในการรับประทานอาหาร พร้อมการจัดวางโต๊ะแบบไม่ชิดกันมาก ทำให้ไม่อึดอัด ให้คุณได้เพลิดเพลินกับความอร่อยแบบสบายๆ จุคนได้ประมาณ 60 ที่ ถ้ามาน้อยคนจะนั่งที่นั่งแบบเป็นบาร์ก็ได้ ในโซนครัวเปิดเป็น Open Kitchen จะได้เห็นขั้นตอนในการปรุงอาหาร มาว่ากันด้วยเรื่องความสุนทรีย์ของสีที่ใช้ตกแต่งร้านกันดีกว่านะครับ เป็นเรื่องของอารมณ์พาไปล้วนๆกันทีเดียวครับ สีแดง สีแดงเป็นหนึ่งในแม่สีหลักที่มีความโดดเด่น ร้อนแรง และแฝงไว้ด้วยความก้าวร้าวอยู่ในตัว หากนำมาตกแต่งบ้านก็จะให้ความรู้สึกเข้มเข็ง มีแรงบันดาลใจ และให้พลังงาน แถมยังกระตุ้นให้เกิดความอยากอาหารได้อีกด้วย เหมาะแก่การนำมาตกแต่งห้องนั่งเล่นและห้องกินข้าวเป็นอย่างมาก สีส้ม เป็นสีที่มีพลังและสดใส ช่วยส่งเสริมด้านการสื่อสาร ให้พลังด้านบวกคือ ความสุข ความตั้งใจ การคิดบวก การเริ่มต้นใหม่หรือดึงดูดสิ่งใหม่ๆเข้ามาในชีวิต และความเฉลียวฉลาด เป็นสีตัวแทนของฤดูร้อน ควรใช้สีส้มในห้องรับประทานอาหารหรือห้องโถง เพราะจะช่วยส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ฉะนั้นจึงเหมาะที่จะใช้ทาสีประตูหรือห้องนั่งเล่นเพราะจะช่วยดึงดูดผู้คนเข้ามา รวมไปถึงที่ทำงานหรือร้านค้าก็จะช่วยดึงดูดพันธมิตรและเรียกลูกค้าด้วยเช่นกัน สีดำ หากพูดถึงโทนสีดำ เพื่อนๆ หลายคนอาจจะนึกถึงความมืดมิด หดหู่ แต่ในทางกลับกัน การตกแต่งบ้านด้วยโทนสีดำนั้น จะให้ความรู้สึกน่าค้นหา เท่และดูทันสมัย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสีที่ได้รับความนิยมไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ รีสอร์ท เป็นต้น สีดำเป็นสีแห่งความลึกลับ ความมีเสน่ห์ ความแข็งแกร่งและอิสรภาพ เป็นสีที่ดึงดูดทรัพย์ แต่ไม่ควรใช้มากเกินไป แต่ทั้งนี้การตกแต่งบ้านด้วยโทนสีดำนั้น ตกแต่งเฉพาะบางส่วน หรือเป็นในส่วนของไฮไลท์ เพื่อสร้างความโดดเด่น จากการที่ได้เห็นการตกแต่งภายในร้านทำให้รู้สึกชอบและรับรู้ความรู้สึกได้ดีทีเดียวครับ ตอนนี้ขอเริ่มเมนูแรกกันเลยนะครับ เนื้อแกะจากออสเตรเลียย่างสไตล์กรีก ( Greek Lamb ) เป็นการนำเนื้อแกะมาย่างแบบ Medium สัมผัสได้ถึงเนื้อฉ่ำๆของแกะ แต่ถ้าชอบสุกกว่านี้ก็แจ้งกับเชฟได้ ไม่มีกลิ่นสาบทานกับน้ำเกรวี่ เนื้อนุ่มได้รสชาติที่หอมอร่อยทีเดียวครับ ที่ร้านนี้นำเนื้อแกะจากประเทศออสเตรเลียที่จุดเด่นอยู่ที่กลิ่นสาบน้อย แม้คนที่ไม่ค่อยกินเนื้อแกะก็ยังว่าดีงาม แล้วนำมาปรุงง่ายๆโชว์ความสดและรสชาติของวัตถุดิบ ก็ได้เป็นเมนูพร้อมดินเนอร์แบบที่ต้องร้องว้าว! กันเลยทีเดียวครับ อาหารสไตล์กรีกยังเป็นที่รู้จักกันน้อยสำหรับชาวไทย ซึ่งที่จริงแล้วอาหารกรีกถือเป็นอาหารยุโรปที่น่าสนใจไม่น้อยเลย เพราะเอกลักษณ์ของอาหารกรีกคือ ไม่ต้องปรุงแต่งอะไรมากมายและยังดีต่อสุขภาพ หนึ่งในเมนูวันนี้ก็คือ "Souvlaki" อ่านว่า "ซูฟลากี" เป็นอาหารเสียบไม้ย่าง ส่วนใหญ่จะใช้เป็นเนื้อหมูหรือไก่ มีเนื้อแกะด้วย โดยเมนูนี้สามารถหาทานได้ทั่วไปในกรุงเอเธนส์ และยังเป็นอาหารจานหลักของชาวกรีกที่ทานได้แทบทุกมื้อครับ วิธีการทำก็ไม่ยาก นำเนื้อหมูสันนอกมาหมักกับเครื่องเทศ อย่าง Origano และ Throubi ที่เป็นเครื่องเทศในแถบเมดิเตอร์เรเนียนโดยเฉพาะ แล้วนำไปเสียบไม้ย่าง เมนูนี้จึงได้รสชาติและกลิ่นหอมจากเครื่องเทศสไตล์กรีกแท้ ๆ แซลมอนย่างพร้อมเครื่องเทศแบบไทยๆได้ปลาชิ้นหนาย่างมาแบบกำลังดี ทานกับซอสออกแนวฝรั่งก็จริงแต่ใส่พริกกับตะไคร้ลงไปด้วย เป็นรสชาติที่เข้าท่าลงตัวมากทีเดียว อร่อยมากเลยครับ สเต็กเนื้อวากิวกับพาร์เมซานชีส (Wagyu Beef Parmasan) เคยได้ยินชื่อ เนื้อวากิวกันมานานแล้วนะครับ บางท่านอาจจะไม่ทราบถึงที่มาที่ไป เบื้องหลังความอร่อยของเนื้อวากิว คำว่า วากิว เป็นคำภาษาญี่ปุ่นมาจากการนำเอา 2 คำมารวมกันคือ วะ (和) ที่แปลว่าเราในที่นี้หมายถึงประเทศญี่ปุ่น และ กิว (牛) ซึ่งแปลว่าเนื้อวัว ดังนั้นหากจะให้แปลตรงตัวแล้ว วากิว ก็คือเนื้อวัวที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง เนื้อวากิวในปัจจุบันมีด้วยกัน 5 สายพันธุ์หลัก ได้แก่ 1. Japanese Black 2. Japanese Brown 3. Japanese Polled 4. Japanese Shorthorn 5. Kumamoto Reds วัวพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงกันมากที่สุดคือ Japanese Black ซึ่งชาวญี่ปุ่นยกย่องให้เป็นสุดยอดแห่งสายพันธุ์อันดับหนึ่ง โดยลักษณะรูปร่างของโคสายพันธุ์นี้มีขนาดเล็ก เส้นขนดำหยักเป็นลอน ส่วนกลางลำตัวกางออก ซี่โครงแข็งแรง ขาหลังและลำคอบาง วัวสายพันธุ์นี้เลี้ยงกันมากกว่า 90% ของประชากรวัวทั้งหมดในญี่ปุ่น และเฉพาะสายพันธุ์ Japanese Black นี้เท่านั้นที่จะให้เนื้อซึ่งมีไขมันแทรกในปริมาณสูงสุด วากิวเป็นวัวที่ต้องเลี้ยงแบบพิเศษ ในบรรยากาศที่เงียบสงบ ภายในโรงเรือนที่อากาศเย็นและถ่ายเทสะดวก วัวต้องไม่ออกกำลังกายมาก ผู้เลี้ยงต้องให้อาหารที่มีเส้นใยมากๆ เช่น ข้าวสาลี ข้าวโพด หญ้าแห้ง และกากถั่วเหลือง ฯลฯ เพื่อบำรุงวัวให้ได้มากที่สุด วัวจะได้อ้วนๆ ที่สำคัญต้องให้ดื่มเบียร์อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งเพื่อช่วยในระบบย่อยอาหารและให้วัวผ่อนคลายด้วย วัววากิวจะเชือดเมื่ออายุได้ 3 ปีถึง 3 ปีครึ่ง ต่างจากวัวเนื้อทั่วไปที่จะเชือดกันเมื่อวัวอายุได้ 2 ปี ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เพื่อให้ได้เนื้อวัวที่มีไขมันแทรกอยู่สูงที่สุด เพื่อรสชาติเนื้อที่นุ่มที่สุด เนื้อวากิวจะมีการแบ่งเกรดของเนื้อวัวออกเป็น 2 ส่วน คือ อัตราส่วนของโครงสร้างเนื้อเทียบกับน้ำหนัก มี 3 ระดับ ตั้งแต่ A – C กับ การแทรกตัวของไขมันที่เข้าไปในเนื้อ มี 5 ระดับ ตั้งแต่ 5 – 1 เพราะฉะนั้นการวัดเกรดของเนื้อวากิวจะมีทั้งหมด 15 ระดับ และระดับที่ดีที่สุดคือ ระดับ A5 ต่อมาเราได้ทานซี่โครงหมูย่างซอสบาบีคิวซึ่งเป็นอาหารพิเศษที่จะเริ่มทำเดือนหน้าเป็นเมนูเเนะนำ มีความอร่อยลงตัวกับรสชาติครับ คงไม่ต้องอธิบายกันมาก เมนูธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาก็ตรงรสชาติที่ปรุงมานี่ละครับ อิ่มหนำกันเลยทีเดียวครับ แต่ก็ยังเผื่อท้องไว้สำหรับซูชิและสลัดบาร์ อาหารที่นี่มีหลากหลายเมนู ทั้งไทยและเทศ และยังมีซีฟู้ดส์ที่สดมากๆ อีกนะครับ มีความอร่อยของปูม้าที่นึ่งสดๆ เนื้อปูที่ฉ่ำกำลังดีและหอยนางรมตัวใหญ่ๆสดๆหวานฉ่ำ และ หอยแมลงภู่ตัวอวบใหญ่หรือประเภทซูชิเนื้อปลาแซลมอนและทูน่าแสนอร่อยที่แล่สดๆ จากท้องทะเลลึก ข้าวปั้นและอื่นๆที่มีบริการอย่างครบครัน…หรือจะเป็นเมนูอาหารไทยๆประเภทสารพัดยำ ที่นี่มีอาหารหลากหลายเมนู หลากหลายประเภทให้ท่านเลือก ทั้งคาว หวาน พร้อมเสิร์ฟความอร่อย จนลืมเวลาไปเลยทีเดียว ชิมไปไม่น้อยเหมือนกันครับก็มันอดใจไม่ไหวครับ ยังมีเมนูอื่นอีกหลายรายการนะครับ เลือกรับประทานกันตามความชอบของแต่ละท่านได้เลยครับ คุ้มค่ากับการมารับประทานจริงๆ ครับ เกี่ยวกับเชฟ เชฟสุวิรัตน์ นำยงกุล หรือเชฟยีราฟ เข้ารับตำแหน่ง Executive Chef ที่แมริออท เอ็กเซ็คคิวทีฟ อพาร์ทเมนท์ สาทร วิสต้า เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์เมื่อปลายปี 2017 เชฟยีราฟได้นำประสบการณ์ในสาย F&B กว่า 16 ปี มาบริหารจัดการครัวของห้องอาหารโมโม่ คาเฟ่ ตั้งแต่การบรรจงคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพจากทั่วทุกมุมโลก ตลอดจนรังสรรค์เมนูจานเด็ดสุดพิเศษที่สร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้ห้องอาหารโมโม่ คาเฟ่ Signature Menus & Promotions • บุฟเฟ่ต์นานาชาติมื้อกลางวัน วันธรรมดา 12:00hrs. - 14:30hrs. THB 499++ / person • บุฟเฟ่ต์นานาชาติมื้อกลางวัน วันหยุด 12:00hrs. - 14:30hrs. THB 799++ / person • บุฟเฟ่ต์นานาชาติมื้อเย็น สุดสัปดาห์ วันศุกร์, เสาร์ และ อาทิตย์ 18:00hrs. - 22:00hrs. THB 899++ / person • โมโม่ เบอร์เกอร์ มาเนีย โปรโมชั่น 11:00hrs. - 22:00hrs. THB 299++ / คู่ซอล์ฟดริ้งค์ THB 369++ / คู่เบียร์ • สตรีทนู้ดเดิ้ล โปรโมชั่น 11:00hrs. - 22:00hrs. THB 99 ++ / คู่ซอล์ฟดริ้งค์ THB 119++ / คู่เบียร์ • โปรโมชั่น Happy Hour – เครื่องดื่มซื้อ 1 ฟรี 1 17.00hrs. - 21.00hrs เวลาทำการ: 6:00hrs. – 23:00hrs. ที่อยู่: 1 Sathorn Soi 3 South Sathorn Road, Bangkok 10120 Thailand โทรศัพท์: +66 (0) 2343 6789 โทรสาร: +66 (0) 2286 2927 Facebook Page: www.facebook.com/marriottsathornvista แมริออท เอ็กเซ็คคิวทีฟ อพาร์ทเมนท์ สาทร วิสต้า ได้รับการออกแบบให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสทุกความสะดวกสบายของคำว่า “บ้าน” อย่างแท้จริง เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ระดับห้าดาวภายใต้แบรนด์แมริออทให้บริการห้องพักรายวันและรายเดือน มีห้องพัก 186 ห้องบนอาคารสูง 32 ชั้น ทั้งหมดเป็นห้องสวีทตั้งแต่หนึ่งถึงสามห้องนอน กว้างขวางและครบครันด้วยเฟอร์นิเจอร์พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ ชุดครัวและเครื่องครัว ห้องนั่งเล่นและห้องนอนเป็นสัดส่วนพร้อมระบบรักษาความปลอดภัยระดับสูง นอกจากนี้ยังมีห้องอาหารนานาชาติ โมโม่ คาเฟ่ สระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือขนาดใหญ่ และฟิตเนสที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง โรงแรมตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจบนถนนสาทรใกล้สถานีรถไฟฟ้าศาลาแดงและช่องนนทรี ท่ามกลางแหล่งช้อปปิ้งและความบันเทิงของมหานครกรุงเทพฯ |
ร้านบ้านน้ำพริกข้าวสวย ณ พระนคร
อาหารพื้นบ้านคืออาหารที่ใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่นที่มีอยู่มาก หรือตามฤดูกาล จัดเป็นวัฒนธรรมทางอาหารที่แตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่นอาจมีปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบ้างเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยแต่หลักๆ ก็ยังคงอนุรักษ์ของเดิมไว้ จะเรียกว่าเป็นการนำของเดิมมาปรับรูปลักษณ์ให้น่าสนใจขึ้น เฉกเช่น "บ้านน้ำพริกข้าวสวย ณ พระนคร" เเห่งนี้ ที่ยกสำรับของดีเมืองจันท์มาไว้ให้ชาวไทยเเละชาวต่างชาติได้สัมผัสรสชาติของอาหารไทยพื้นบ้านของเมืองจันทบุรีมาไว้ที่ ซอยสุขุมวิท 33 แยก 5 เจ้าของร้าน คือ ศิลภา ชาลีวรรณ (ฝน) ผู้หลงใหลในรสชาติของอาหารพื้นบ้านเมืองจันท์ ออกมาต้อนรับเเขกในชุดไทยสีหวานงามตา พร้อมกับพาเยี่ยมชมบริเวณโดยรอบ บรรยากาศภายในร้านถูกตกเเต่งไว้อย่างลงตัวด้วยตั่งเเละหมอนอิงในเเบบไทยๆ เเซมด้วยโต๊ะเเบบยุคใหม่ ให้ความรู้สึกสบายตา เอกลักษณ์ของความเป็นไทยเเทรกตัวอยู่ทุกพื้นที่ของร้าน ดูเเล้วช่างเข้ากับละครดังช่วงนี้เลยทีเดียว ต้นกำเนิดของร้านบ้านน้ำพริกข้าวสวย ต้นตำรับนั้นอยู่ที่จันทบุรี เจ้าของร้านคือคุณสุนันทา พงษ์เจริญ (แม่อี๊ด)และ คุณสิริลักษณ์ พงษ์เจริญ (ทราย) ที่มาที่ไปผมขออนุญาตคัดลอกตำนานน้ำพริกอันเป็นต้นกำเนิดของร้านดังนี้ เสน่ห์ปลายจวัก ของตาเล็ก – ยายเฟื้อ พงษ์เจริญ จากร้านเล็กๆ ในตำบลหนองบัว นำสูตรอาหารน้ำพริกจากบรรพบุรุษ สืบสานในสัมมาอาชีพ จากนั้นต่อมา แม่อี๊ด ลูกสาวคนเล็กนำสูตรมาต่อยอด ใช้ความพากเพียรอุตสาหะ เริ่มจากแม่ค้าหาบเร่ มาต่อยอดผลิตภัณฑ์ ให้เข้ากับกาลเวลา “บ้านน้ำพริกข้าวสวย” ได้สืบทอดและนำสูตรต้นตำรับจากรุ่นสู่รุ่นผสมไอเดียรุ่นหลาน นำมาเสิร์ฟในภาชนะไทยๆรองด้วยใบตอง เพิ่มอัตลักษณ์คุณค่าอาหารถิ่น กลิ่นอายอาหารไทย เคียงคู่ไปกับเมืองจันทบูร ต้อนรับกันด้วยเครื่องดื่มชุ่มคออย่างแรก "น้ำอัญชัญดอกมะลิ" จิบเเล้วชื่นใจหอมกรุ่นดอกมะลิเสิร์ฟมาในขัน ได้กลิ่นอายยุคพ่อแม่เราเลยทีเดียว อีกอย่างคือน้ำมะปี๊ด อร่อยมากเปรี้ยวๆ อมหวาน กลมกล่อมชื่นใจ อยากเติมเรื่อยๆ ไม่อยากหยุด เริ่มแรกเมนูเรียกน้ำย่อย "เมี่ยงรวมรัก" อย่างแรกคือเมี่ยงดอกบัว เหมือนเมี่ยงคำแต่ใช้กลีบบัวแทนใบชะพลู อร่อยดีนะครับแล้วยังหอมกลีบดอกบัว มีสรรพคุณของดอกบัวหลวงมากบอกด้วยนะ .... กลีบช่วยบำรุงร่างกาย ห้ามเลือด มีใยอาหารสูง และกระตุ้นการขับถ่าย เกสรเป็นยาสมานแผล บำรุงหัวใจและระบบประสาท เมล็ดช่วยบำรุงกำลัง ทำให้นอนหลับสบาย ส่วนดีบัวช่วยขยายหลอดเลือดหัวใจ ถัดมาเป็น "ข้าวตังหน้าตั้ง" กินกับหน้าตั้งซึ่งเป็นน้ำจิ้มราด มีรสหวานนำเค็ม เล็กน้อย มีความมันของกะทิและถั่วลิสง ข้าวตังมีสรรพคุณช่วยบำรุงและขับความเย็นในกระเพาะอาหารด้วยนะครับจะบอกให้ สุดท้ายเป็นม้าฮ่อ เป็นของว่างแบบโบราณหาทานยาก ด้วยรสชาติเค็มๆหวานๆของไส้ที่วางมาบนสับปะรดหวานอมเปรี้ยวรสชาติเข้ากันได้ดี คนโบราณช่างคิดช่างทำ ไม่ต้องย้อนเวลาหาอดีตให้เสียเวลา แค่ออเจ้ามาร้านนี้ก็สมปรารถนา อยากทานมานานละ "น้ำพริกปูไข่"ก็ขึ้นชื่อมากเพราะจันทบุรีมีปูทะเลตามธรรมชาติชุกชุม ที่หาจับได้ตามป่าชายเลนทั่วไป และมีการเลี้ยงปูเป็นอาชีพอยู่เป็นจำนวนมาก น้ำพริกนี้ต้องเลือกปูที่มีไข่นำมาต้มให้สุกก่อนแล้วแกะไข่ปูมาตำรวมกับพริก กระเทียม ปรุงรสด้วยน้ำปลา มะนาว (หรือส้มมะปี๊ดหากมะนาวแพง) น้ำตาลเล็กน้อย รสเค็มเปรี้ยว แต่ไม่หวาน ต่อมาคือ "ไก่บ้านต้มกระวาน" คล้ายต้มยำน้ำใส ใส่หน่อกระวาน ข่า ตะไคร้ หอมแดง ใบมะกรูด รสชาติเผ็ดร้อน ต้องกินร้อนๆ ยิ่งกินก็ยิ่งอร่อย รู้จักต้นกระวานกันสักนิด เป็นพืชป่า ลักษณะต้นคล้ายต้นข่า ส่วนที่นำมาทำอาหารคือส่วนหัวที่อยู่โคนต้น มีกลิ่นหอมและรสเผ็ดร้อนเฉพาะตัว ใช้ทำอาหารดับกลิ่นคาวได้ดี ถ้าเข้าเครื่องยาแผนโบราณ แก้โรคท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลมได้ดี ชอบอากาศชื้นแดดรำไร เป็นสมุนไพรท้องถิ่น เป็นยาที่กินอร่อยมากมื้อนี้ "เส้นจันท์ผัดปู" เมนูขึ้นชื่ออีกจานของเมืองจันท์ เส้นจันท์ผัดปู ที่นี่ใส่กั้งมาให้ด้วยน่าทานทีเดียวครับ เป็นอาหารพื้นบ้านโบราณของคนจังหวัดจันทบุรี นิยมรับประทานกับผักสดนานาชนิด ซึ่งตัวเส้นจันท์นั้นจะมีลักษณะเหนียวและนุ่ม น้ำปรุงรสชาติเป็นเอกลักษณ์อร่อยไม่เหมือนใคร มีรสชาติหวานนำมาก่อน เปรี้ยว และเค็มตาม หน้าตาคล้าย ๆ กับผัดไทย รสชาติกลมกล่อมเป็นที่สุดครับ สำรับต่อมา "ข้าวห่อน้ำพริก" เป็นข้าวสวยห่อด้วยใบตองเป็นกระทงข้างบนมีน้ำพริกหลากหลายชนิดเช่นน้ำพริกตาแดง น้ำพริกมะขาม ฯลฯ เน้นไปทางน้ำพริกแห้งๆ กินกับผักสดๆ มีหลนปูมาให้ตัดความเผ็ด รสชาติหวานเค็มอมเปรี้ยวนิดๆ สำหรับคนชอบกินผักเมนูนี้ชอบมาก อิ่มของคาวตามด้วยของหวาน ไอศกรีมกะทิห่อใบตอง มีมันเชื่อม ฟักทองเชื่อม ลูกชิด แยกเครื่องเคียงมาให้ตักเติมตามชอบใจ เป็นของโบราณที่อร่อยไม่มียุคสมัยจริงๆ เข้ากับบรรยากาศแบบไทยๆ ของร้านมาก "สัมปันนี" ขนมไทยทรงดอกไม้นางเอกของงานนี้ หากไม่เอ่ยถึงจะเรียกว่ามาไม่ถึงร้านเลยทีเดียว เพราะทางร้านจะจัดไว้ต้อนรับลูกค้าเป็นเมนูพิเศษ ที่เคียงมาในสำรับอาหารคาว ซ่อนไว้ในผอบบายศรีอย่างสวยงาม เป็นขนมไทยโบราณที่มีรสชาติหวานมันกลมกล่อม กำลังพอดีคำ เเป้งเนื้อนวล ละลายในปาก สิบปากว่า ไม่เท่าชิมเองครับ อาหารรสชาติดี จัดสำรับแต่ละจานอย่างสวยงาม อนุรักษ์ความเป็นไทยซึ่งหาได้ยากในปัจจุบัน การนำใบตองมาใช้ใส่อาหารแทนโฟมหรือพลาสติก มั่นใจได้ว่าปลอดภัยแก่สุขภาพ แถมดูดีมีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก การกินอาหารถือเป็นสุนทรีรสอย่างหนึ่ง เพราะอาหารเรากินแล้วต้อง “สุขกาย สบายใจ” ใครที่กำลังรู้สึกอยากเสพอาหารรสชาติพื้นบ้าน สัมผัสบรรยากาศสบายๆสไตล์ไทย "ออเจ้า " เเล้วล่ะก็ ห้ามพลาด..ของดีเมืองเจ้าตากครับ บ้านน้ำพริกข้าวสวย ณ พระนคร ตั้งอยู่ที่ 62 ซอยแดงอุดม ถนนสุขุมวิท 33 คลองตันเหนือ วัมนา กรุงเทพฯ 10110 โทรศัพท์ 062-459+6646 095-849-2629 เปิด 10.30- 22.30 น. |
"BURGER HEAVEN”เทศกาลสำหรับคนรักเมนูเบอร์เกอร์เนื้อและเมนูเบอร์เกอร์ปลา ณ ห้องอาหารอาวกลาส โรงแรมเอทัส ลุมพินี
มีโอกาสได้ไปชิม เมนู เบอร์เกอร์ เนื้อ และ ปลา ห้องอาหารอาวกลาส โรงแรมเอทัส ลุมพินี วันนั้นผม ได้มีโอกาสไปชิมอาหาร ในเทศกาล อาหาร BURGER HEAVEN”เทศกาลสำหรับคนรักเมนูเบอร์เกอร์เนื้อและเมนูเบอร์เกอร์ปลา หลังจากได้มาทานรู้สึกได้ว่า รสชาติอาหาร คือ หัวใจสำคัญของร้านอาหาร ห้องอาหารอาวกลาส โรงแรมเอทัส ลุมพินี จึงให้ความสำคัญ กับ วัตถุดิบและรสชาติของอาหารเป็นอย่างมาก วันนั้นได้ลองทาน 2 เมนู คือ Beef Burger Charcoal –ชาร์โคลเบอร์เกอร์เนื้อ คัดสรรเนื้อชั้นดีกริลได้ที่ เป็นเบอร์เกอร์ที่กลมกล่อมด้วยชีสเชดดาร์ เบคอนรมควัน และไข่ดาว พร้อมผักกาดสลัดและมะเขือเทศหั่นบางๆ มีเครื่องเคียงเป็นตระกร้าสลัดกับเซซามิเดรสซิ่ง กินคู่กับเฟรนด์ฟรายด์ร้อนๆ และหอมทอดกรอบนอกนุ่มใน เป็นเบอร์เกอร์ ปลาแซลมอนสดบด ปิดด้วยผักกาดสลัดและมะเขือเทศหั่นบางๆ มาคู่กับเทอริยากิซอส ทานแกล้มกับมันฝรั่งทอด ร้อนๆ พร้อมสลัดผักสดๆ อร่อยสุขภาพดี จากคำบรรยายที่ผมได้คุยกับทางร้านได้ทราบถึงส่วนผสมต่างๆที่รวมขึ้นเป็นเมนูอาหารเพื่อแนะนำนอกจากความอร่อยลงตัวแล้ว เมนูทั้ง 2 นี้ยังมีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพที่หลายๆคนอาจจะนึกไปไม่ถึง เลยอยากจะเขียนถึงส่วนผสมหลักๆ นำมาเล่าสู่กันฟังอ่าน กันฟินๆ เพื่อการไปชิมในโอกาสต่อไปจะได้รับทั้งความอร่อยลิ้นและสุขภาพที่ดีขึ้น ซึ่งเรากำลังได้อาหารเป็นยากันไม่มากก็น้อยล่ะครับ - ชาร์โคล เรียกเต็มๆ ว่า ผงถ่านแอคติเวทชาร์โคล (activated charcoal) หรือเรียกว่า ผงคาร์บอนกัมมันต์ (activated carbon) เป็นถ่านที่ได้จากพืชชนิดต่างๆ เช่น เปลือกไม้หรือไม้ไผ่ นำไปผ่านการเผาในอุณหภูมิความร้อนสูงกว่า 1,000 องศาเซลเซียส จึงจะถูกนำไปใช้ในการประกอบอาหารต่างๆ การใช้ชาร์โคลในอาหารนั้นก็เพื่อให้มีกลิ่นหอม อย่างประเทศไทยก็นำถ่านดังกล่าวไปผสมในขนมที่ต้องการให้มีสีดำ อย่างเช่น ขนมเปียกปูน เป็นต้น หรืออย่างประเทศเกาหลีก็มักจะใส่ถ่านดังกล่าวลงไปพร้อมกับการหุงข้าว เพราะจะทำให้ข้าวสุกเร็วและดับกลิ่นได้นั่นเอง อย่างทางการแพทย์ก็เช่นเดียวกัน ที่มักจะนำผงคาร์บอนกัมมันต์หรือชาร์โคลมาใช้ดูดซับสารพิษที่เรารับประทานเข้าไป หรือการรับประทานยาที่เกินขนาด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่สามารถดูดซับสารพิษได้ทุกชนิดและทั้งหมด เพราะสามารถดูดซับได้ 60% เท่านั้น ทั้งนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่าชาร์โคลมีโทษหรือสารตกค้างหรือไม่ หรือผงถ่านสีดำปิ๊ดปี๋ขนาดนี้จะทำให้เป็นมะเร็งได้ไหม คำตอบก็คือ "ไม่" เพราะถ่านที่เผาจนดำสนิทนั้นสิ่งที่ได้ออกมาจะเป็นคาร์บอน ไม่มีโทษใดๆ กับร่างกาย ซึ่งจะแตกต่างจากเนื้อสัตว์ที่ถูกปิ้งย่างจนไหม้เกรียม เพราะเนื้อสัตว์เป็นโปรตีน สิ่งที่เผาไหม้ออกมาจะเป็นสารไนโตรซามีน ที่เป็นตัวตั้งต้นในการก่อมะเร็งนั่นเอง ประโยชน์ของถ่านชาร์โคลที่ดีต่อสุขภาพ 1. ดูดซับสารพิษทางเดินอาหารและลำไส้ รวมถึงแก๊สต่างๆ ที่ทำให้อึดอัด แน่นท้อง อีกทั้งยังช่วยอาการท้องเสียได้ 2. ช่วยให้ช่องปากแข็งแรง แก้กลิ่นปาก ป้องกันฟันผุ โรคเหงือก อีกทั้งยังลดคราบชา กาแฟได้อีกด้วย 3. ช่วยให้นอนหลับและผ่อนคลาย 4. กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตในร่างกาย 5. ลดคลอเลสเตอรอลได้เป็นอย่างดี 6. บำรุงผิวพรรณให้สดใส เปล่งปลั่ง ขจัดเซลล์เสื่อมสภาพ ป้องกันริ้วรอย และช่วยให้รอยแผลเป็นจางลง 7. ทำให้ระบบประสาททำงานดีขึ้น 8. แก้อาการเมาค้างได้ - น้ำสลัดงา งา พืชที่อุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆมากมาย โดยงา จะมี 2 แบบ คือ งาดำ และ งาขาว นอกจากนี้ ยังมีน้ำมันงาที่นำมาใช้ปรุงอาหาร เพราะมีกลิ่นหอมและกรดไขมันที่มีประโยชน์ ทั้งนี้สารอาหารที่มีอยู่ในเมล็ดงาล้วนแต่มีประโยชน์ทั้งสิ้น ประโยชน์ และ สรรพคุณของงาดำ งาขาว ประโยชน์ ของงาไม่ว่าจะเป็น โปรตีน ที่มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย คือ กรดอะมิโนเมธิโอนีน นอกจากนี้ เรายังสกัดน้ำมันจากงาออกมาได้อีกด้วย ซึ่งน้ำมันที่ได้นั้นเป็นน้ำมันงาที่มีคุณสมบัติเยี่ยม คือ มีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวสูง ทั้งกรดไขมันโอเมก้า 3 กรดไขมันโอเมก้า 6 ที่มีคุณสมบัติช่วยลดคลอเลสเตอรอล จึงช่วยป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว ป้องกันโรคหัวใจ ทำให้ระบบหัวใจแข็งแรง นอกจากนี้ ยังมีกรดไขมันไลโนเลอิค ที่ช่วยทำให้ผมดกดำ บำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น นอกจากนี้ งายังมีวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ โดยเฉพาะแคลเซียมที่มีมากกว่านมวัวถึง 6 เท่า มีธาตุเหล็ก แมกนีเซียม สังกะสี ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และทองแดง และยังมากด้วยวิตามินบีชนิดต่างๆ ซึ่งดีต่อระบบประสาท ช่วยทำให้นอนหลับ ร่างกายกระฉับกระเฉง พร้อมกันนั้นยังมีสารบำรุงประสาทด้วย และวิตามินอีเป็นตัวแอนติออกซิแดนท์ที่ช่วยต้านมะเร็ง กลิ่นและรส ของเมล็ดงาคล้ายกับถั่ว องค์ประกอบสำคัญในเมล็ดก็คือน้ำมัน ซึ่งมีอยู่ประมาณ 44-60% น้ำมันงานั้นต่อต้านการเกิดออกซิไดซ์ได้ดี มีการใช้ในอาหารพวกสลัด หรือเป็นน้ำมันปรุงอาหาร เราจะลืม- ปลาแซลมอน ไปได้อย่างไร ปลาแซลมอน ได้ชื่อว่าเป็นปลาจากแหล่งบริสุทธิ์ที่ไร้มลพิษและมีคุณค่าทางอาหารมากมาย เพราะระหว่างที่อยู่ในทะเล แซลมอนจะสะสมไขมันจากการกินแพลงตอนและสาหร่ายทะเล ซึ่งเป็นไขมันจำเป็นที่ร่างกายมนุษย์ต้องการแต่สร้างขึ้นเองไม่ได้ นั่นคือกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่เรียกว่า โอเมกา 3 ซึ่งมีประโยชน์มากมายต่อมนุษย์ การรับประทานปลาแซลมอนมีคุณค่าทางโปรตีนสูง ส่วนไขมันและคอเลสเตอรอลนั้นต่ำมาก และยังสามารถทดแทนสารอาหารที่ได้จากเนื้อวัว เนื้อหมู และสัตว์อื่นๆ นอกจากนี้นักวิจัยชาวออสเตรเลียยืนยันมาว่าหากรับประทานบ่อยครั้ง จะช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย ประโยชน์ 7 ประการของเนื้อปลาแซลมอน เนื้อปลาสีส้มแทรกไขมันขาวน่ากินมีคุณประโยชน์มากมายต่อร่างกายถึง 7 ประการด้วยกัน ทีเดียว 1. ช่วยรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม ใครกำลังประสบปัญหาเรื่องข้อเข่าเสื่อม ต้องเลือกรับประทานเนื้อปลาแซลมอนเพิ่มเติมแล้วละค่ะ เพราะในเนื้อปลาสีส้มนั้นอุดมไปด้วยโปรตีนที่ชื่อว่า ไบโอแอคทีฟเปปไทด์ ซึ่งกรดโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อข้อเข่านั้นคือ แคลซิโทนิน (calcitonin) ที่ได้รับการวิจัยแล้วว่าช่วยเพิ่มคอลลาเจน อีกทั้งยังควบคุมคอลลาเจนในกระดูกอ่อนของข้อเข่าคงที่ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความหนาแน่น และความแข็งแรงให้เนื้อกระดูกด้วย 2. กินปลาแล้วฉลาด แถมมีความสุขเพิ่ม อยากรู้ไหมว่ากินอะไรแล้วมีความสุข แถมฉลาดขึ้นด้วย? คำตอบคือเนื้อปลาแซลมอนไง เพราะระบบสมองประกอบไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 กว่า 60% ส่วนอีก 30% นั้นคือกรด DHA ซึ่งมีความสำคัญมากต่อระบบประสาท ดังนั้นการรับประทานเนื้อปลาแซลมอนเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงของการอยู่ในสภาวะซึมเศร้า และสภาวะเครียดในหมู่วัยรุ่น ส่วนในวัยผู้ใหญ่ และวัยชรานั้นเนื้อปลาแซลมอนจะช่วยในเรื่องของความจำ ช่วยลดความเสี่ยงของการป่วยเป็นโรคความจำเสื่อม 3. ช่วยรักษาสุขภาพหัวใจ และระบบหลอดเลือด ถ้าอยากมีสุขภาพหัวใจที่แข็งแรงต้องรับประทานแซลมอน เพราะเนื้อปลาแซลมอนอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3, กรดอีโคซะเพนตะอีโนอิก (EPA) และกรด DHA กรดไขมันเหล่านี้ให้ประโยชน์มากมายต่อระบบหัวใจ และหลอดเลือด อาทิ ช่วยลดการติดเชื้อ, ช่วยไม่ให้เลือดแข็งตัว และขยายหลอดเลือดแดง หากรับประทานเนื้อปลาแซลมอน 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์เป็นประจำจะป้องกันไม่ให้เป็นโรคหัวใจวาย, โรคหลอดเลือดสมองแตก, โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ, โรคความดันโลหิตสูง และภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง 4. รักษาสายตา และป้องกันโรคประสาทจอตาเสื่อม เนื้อปลาสีส้มอาหารโปรดของใครหลายๆ คน นอกจากจะอร่อยแล้วยังช่วยปกป้องสายตาอีกด้วย การรับประทานเนื้อปลาแซลมอนอย่างน้อย 2 ครั้งต่ออาทิตย์จะช่วยชะลอความเสี่ยงของจอประสาทตาเสื่อมที่อาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็น 5. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ในเด็กเล็ก เพราะเนื้อปลาแซลมอนจะช่วยในเรื่องพัฒนาการของสมองในเด็ก และการที่ว่าที่คุณแม่รับประทานเนื้อปลาแซลมอนขณะตั้งครรภ์จะส่งผลต่อความสามารถในการเรียนรู้ในตัวเด็ก เพราะเนื้อปลาแซลมอนอุดมไปด้วยกรด DHA ซึ่งเป็นกรดไขมันที่มีประโยชน์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง และจอประสาทตาอย่างยิ่ง และช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคสมาธิสั้น 6. อุดมด้วยวิตามิน D ดีต่อร่างกาย นอกจากจะอุดมไปด้วยกรดไขมันดีแล้ว เนื้อปลาแซลมอนยังอุดมไปด้วยกรดวิตามิน D ซึ่งเป็นวิตามินที่ร่างกายต้องการ แต่ถ้าหากได้รับวิตามินประเภทนี้น้อยไปจะก่อให้เกิดความเสี่ยงการป่วยเป็นโรคมะเร็ง โรคเกี่ยวกับระบบหัวใจ และหลอดเลือด, โรคข้อรูมาตอยด์ และโรคเบาหวานประเภท 1 แต่เพียงรับประทานเนื้อปลาแซลมอน 1 กระป๋องก็สามารถให้วิตามิน D ที่ร่างกายต้องการได้อย่างครบถ้วนแล้ว 7. ช่วยให้นอนหลับลึก และหลับสนิทตลอดทั้งคือ ประโยชน์สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดของเนื้อปลาแซลมอนคือ ช่วยในเรื่องการนอนหลับ เพราะเนื้อปลาแซลมอนอุดมไปด้วยทริปโตเฟน (Tryptophan) ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายๆยานอนหลับแต่เป็นของธรรมชาติล้วนๆ และไร้อันตรายแน่นอน จากงานวิจัยพบว่าทริปโตเฟน มีฤทธิ์ทำให้ง่วง และช่วยให้หลับเร็วขึ้น หลังจากได้รับข้อมูลกันไปพอสังเขปนะครับ ผ่านความสำคัญของวัตถุดิบก็คงขาดไม่ได้ในเรื่องของรสชาติอาหารในส่วนเมนูเนื้อ อร่อยดีทีเดียวครับเข้ากันได้ดีกับสลัดผักราดด้วยน้ำสลัดงา เมนูปลาแซลมอนกับซอสเทอริยากิเค็มๆ หวานๆ กับมันทอด ตามด้วยสลัดผัก ขนมปังชาโคลกับชีสทำให้รสชาติโดยรวม ออกมาดีขึ้นไปอีก รู้อย่างนี้แล้ว พาเพื่อนฝูง คนรู้ใจ มาลองกันได้เลย รับรองว่าติดใจ แน่นอน ครับ |
REVITALITE CAFE & THAI MASSAGE ร้านอาหารไทยใหม่ล่าสุด ที่น่าชวนชิมและลิ้มลอง
REVITALITE CAFE & THAI MASSAGE เมื่อเห็นชื่อร้านทำให้นึกถึงคำๆหนึ่ง คือ Vital ซึ่งหมายถึงการกลับมามีชีวิตชีวาเมื่อได้ทานอาหารเข้าไปเหมือนได้มีการเติมพลังชีวิต ร้านอาหารร้านนี้เป็นร้านอาหารไทย เพิ่งเปิดใหม่ได้เพียง 2 อาทิตย์ ใน ซอยร่วมฤดี ณ “ร่วมฤดี วิลเลจ” ด้วยที่เจ้าของร้านได้เปิดร้านนวดแผนไทยมาก่อน แต่ด้วยความชื่นชอบในการทำอาหารไทยจึงจัดพื้นที่บริเวณชั้น 1 ในร้านนวดแผนไทยมาทำเป็นร้านอาหารที่รองรับได้ถึง 30 ที่นั่ง ทั้งโซนด้านนอกและโซนห้องแอร์ เมื่อได้ลิ้มลองอาหารไทยรสจัดจ้านที่ทานได้ทั้งคนไทยและถูกปากชาวต่างชาวชาติ เรียกได้ว่าถึงเครื่องถึงรสไปพร้อมกับคุณภาพวัตถุดิบสดใหม่ พร้อมทั้งมีผักออร์แกนิคเข้าไปอีกด้วย ร้านเปิดตั้งแต่ 10.00 - 24.00 น. บรรยากาศภายในร้านสบายๆดูเรียบๆดี มีทั้งที่นั่งรับบรรยากาศด้านนอกนั่งสบายๆชิวๆและมีบรรยากาศด้านในมีโต๊ะนั่งพร้อมมีเครื่องปรับอากาศเมื่ออากาศร้อน บรรยากาศตกแต่งไฟด้วยความเป็นไทยนั่งสบายๆครับ อาหารที่ร้านนี้มีเมนูหลากหลาย อาหารที่ได้สั่งมาทานในวันนี้มีอะไรบ้างตามมาชิมกันได้เลยครับ คอหมูย่าง รสชาติเนื้อหมูมีรสชาติที่อร่อยน้ำจิ้มรสดีหมูนุ่มอร่อยทานได้หลายชิ้นทีเดียวครับ น้ำพริกกะปิกับปลาทูทอด น้ำพริกทำจาก กะปิอย่างดี ที่เรียกว่าเคยจากทางใต้ นำกะปิไปเผาก่อนแล้วนำมาตำรสเผ็ดกำลังพอดีมีควากลมกล่อมทานคู่กับผักแนมได้อย่างมีรสชาติ อย่างไทยๆ ดีทีเดียวครับ มัสมั่นไก่ ได้รสชาติอย่างไทยๆและเมื่อนำมาแกงกับสะโพกไก่เข้ากันดีมากๆและมีอาจาดเป็นเครื่องเคียงที่ทานร่วมกันได้อย่างลงตัว หมี่กรอบโบราณ มีรสชาติของความหอม หวาน กรอบ อร่อย อบอวลด้วยกลิ่นสมุนไพรอย่างส้มซ่า และมีน้ำมะขามเปียกและน้ำตาลปี๊บ เข้ากันได้ดี หมี่กรอบมีรสชาติหวานอมเปรี้ยวนิดๆ อร่อยดีทีเดียวทานแล้วอยากทานอีกครับ ไข่เจียวปู ใส่เนื้อปูแน่นๆเมื่อทานเข้าไปแล้วได้รสชาติของเนื้อปูเต็มๆรสชาติของไข่เข้ากับเนื้อปูดีมากๆมีความกรอบนอกนุ่มในเนื้อปูเน้นๆ อร่อยน่าทานมากๆครับ ข้าวผัดสับปะรด รสชาติข้าวผัดเข้ากันดีจัดจานมาอย่าสวยงามมีสับปะรดผัดได้เข้ากับข้าวมากๆทำให้ข้าวนั้นมีรสหอมของสับปะรสมีทั้งรสเปรี้ยวอมหวานของสับปะรดทำให้รสชาติข้าวผัดนั้นกลมกล่อมในทุกเม็ดที่ทานเข้าไปทีเดียวครับแล้วยังมีกุ้งแม่น้ำทานคู่กันเข้ากันได้ดีครับ Organic Papaya Banana Smoothie (100) Mango Mango Smoothie (120) Watermelon Smoothie (95) Pineapple Smoothie (95) แต่วันนี้ที่มาทานได้ลองดื่ม Coconut Smoothie (95) ใช้น้ำและเนื้อมะพร้าวปั่น ใส่น้ำแข็งไม่มาก ดื่มเข้าไปสดชื่นครับ เมื่อผมได้ทานอาหารอร่อยๆ รสชาติดีเยี่ยม ทำให้นึกถึงคำๆหนึ่งที่มาจากชื่อร้าน คือ Vital ซึ่งหมายถึงความมีชีวิตชีวา และได้รู้สึกเหมือนได้เพิ่มพลังชีวิต คงไม่แปลกอะไร ถ้า REVITALITE CAFE จะทำให้เรารู้สึกถึงความสุขที่เราเติมเต็มให้กับชีวิต และเมื่อได้ทานอาหารที่ร้าน REVITALITE CAFE ที่มีรสชาติที่อร่อยเข้าไปก็เหมือนได้เติมพลังชีวิต และผมจะต้องกลับมาทานอีกแน่นอนครับ ชีวิตคนเราต้องหมั่นเติมพลังนะครับ การเดินทางมาที่ร้านนั้นก็ไม่ยากเลยครับ พิกัดร้านนั้นอยู่ใน ซ.ร่วมฤดี ในโครงการร่วมฤดี วิลเลจ มีที่จอดรถหน้าร้าน หากเดินทางด้วย BTS ให้ลงสถานีเพลินจิตทางออกที่ 4 แล้วเดินเข้า ซ.ร่วมฤดีมาประมาณ 400-500 ม.ร้านอยู่ทางขวามือ ร้านใหญ่เห็นชัดเจนอย่างแน่นอน ที่จอดรถก็กว้างขวาง จอดหน้าร้าน และฝั่งตรงข้ามร้านเลย ด้านบนเป็นสถานที่สำหรับนวดแผนไทย เราสามารถนวดแล้วลงมาทานอาหารไทยอร่อย ๆ ได้เลยครับ REVITALITE CAFE & THAI MASSAGE Tel : 092-669-6228 FB : https://www.facebook.com/Revitalite-Cafe-Thai-Massage-956877334462691/ |
ลองลิ้มชิมรสชาติความอร่อยกับเทศกาลขนมไหว้พระจันทร์ 2560 ณ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต
วันขึ้นสิบห้าค่ำเดือนแปดของทุกปีเป็นวันไหว้พระจันทร์ของชาวจีน เป็นวันที่พระจันทร์ส่องแสง สว่างและกลม งดงามที่สุด และ เต็มดวงที่สุด ชาวจีนจึงให้พระจันทร์เป็นสัญลักษณ์ของความสวยงาม เป็นสื่อกลางของการคิดถึงซึ่งกันและกัน เมื่อคนในครอบครัวจากบ้านเกิดไปไกล เมื่อคิดถึงครอบครัวก็ให้แหงนมองดวงจันทร์ ส่งความรู้สึกที่ดีและความคิดถึงให้กันผ่านดวงจันทร์ นอกจากนี้ ยังถือได้ว่าวันไหว้พระจันทร์เป็นวันที่คนในครอบครัวจะได้แสดงความสามัคคีกัน และได้ชมดวงจันทร์พร้อมหน้ากัน จึงกล่าวได้ว่าวันไหว้พระจันทร์เป็นวันแห่งการอยู่พร้อมหน้ากันของครอบครัวเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของความสามัคคี จึงเรียกเทศกาลนี้ว่าเป็น“เทศกาลแห่งความกลมเกลียว“ ประเพณีการไหว้พระจันทร์ จะเริ่มต้นตอนหัวค่ำซึ่งดวงจันทร์เริ่มปรากฏบนท้องฟ้า พิธีการจะดำเนินต่อไปจนถึงประมาณ 4-5 ทุ่ม บางบ้านอาจจะไหว้พระจันทร์ที่ลานหน้าบ้าน ดาดฟ้า โดยมีการตั้งโต๊ะ ทำซุ้มต้นอ้อย มีธูปเทียน กระดาษเงินกระดาษทองที่พับเป็นเงินตราจีน โคมไฟ และสิ่งของเซ่นไหว้ หลังเสร็จพิธีทุกคนในครอบครัวจะตั้งวงแบ่งกันกินขนมไหว้พระจันทร์ โดยขนมต้องนำมาหั่น มีความเชือว่า เลข 8 เป็นตัวเลขมงคล ดังนั้นจึงควรตัดขนมไหว้พระจันทร์เป็นชิ้นเล็กๆ 8 ชิ้น และแบ่งปันให้กับคนที่คุณรัก ห้ามเกินหรือขาด และแต่ละชิ้นต้องมีขนาดที่เท่ากัน ขนมไหว้พระจันทร์จึงเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคี กลมเกลียวของคนในครอบครัว ดังนั้น รูปลักษณะของขนมไหว้พระจันทร์ จะต้องทำเป็นวงกลมเท่านั้น ตำนานขนมไหว้พระจันทร์ ขนมไหว้พระจันทร์ เป็นขนมที่มีต้นตำรับมาจากประเทศจีน ชื่อที่เรียกในภาษาจีนกลางคือ “เยว่ปิ่ง” “เยว่” หมายถึง พระจันทร์ และ “ปิ่ง” หมายถึง ขนมเปี๊ยะ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นสิริมงคล ความปรารถนาดี และความสามัคคี เพราะในเทศกาลนี้ทุกคนในครอบครัวจะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา นั่งกินขนมชมพระจันทร์ไปด้วยกันแต่เดิม ขนมไหว้พระจันทร์ มีชื่อเรียกว่า “หูปิ่ง” หมายถึง ขนมเปี๊ยะวอลนัท เป็นขนมอบของจีนทำจากงาและวอลนัท ภายหลังเปลี่ยนเป็น “เยว่ปิ่ง” ซึ่งสาเหตุของการเปลี่ยนชื่อนั้นมีเรื่องเล่าว่า ในคืนวันไหว้พระจันทร์ปีหนึ่ง ถังเสวียนจงฮ่องเต้ปรารภออกมาว่า ชื่อ “หูปิ่ง” ไม่ไพเราะ ขณะนั้นหยางกุ้ยเฟย ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่อัครมเหสีของพระองค์ ได้นั่งชมจันทร์อยู่เคียงข้างพระองค์ก็เปรยขึ้นมาว่า “เยว่ปิ่ง” ซึ่งหมายถึง ขนมเปี๊ยะพระจันทร์ ตั้งแต่นั้นจึงใช้ชื่อนี้เรียกแทน "หูปิ่ง" เรื่อยมา ตำนานขนมไหว้พระจันทร์นั้น ยังมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมา ซึ่งเกี่ยวข้องกับการกู้ชาติของชนชาติจีนด้วย เล่าว่า ราว 700 ปีก่อน ชาวมองโกลโดยการนำของกุบไลข่าน ได้รุกรานเข้าแผ่นดินจีน สามารถโค่นล้มและยึดครองประเทศจีนได้สำเร็จ และขึ้นปกครองประเทศจีนเป็นระยะเวลากว่า 80 ปี จนถึงช่วง |